ทำไมน้ำทะเลถึงเค็ม แล้วเกลือในน้ำทะเลมาจากไหน

วันนี้ Semih จะพาคุณมาหาคำตอบกันว่าทำไมน้ำทะเลถึงเค็ม คุณรู้หรือไม่ว่าเกลือทะเลส่วนใหญ่นั้นมาจากสองช่องทางคือหินบนบกและช่องเปิดในก้นทะเล และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้น้ำทะเลเค็ม

สาเหตุแรกที่ทำให้น้ำทะเลเค็มคือเกิดจากน้ำฝนกรัดกร่อนหินบนโลก เมื่อฝนตกลงมามันได้ทำปฏิกิริยากับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศและทำให้เกิดเป็นกรดคาร์บอนิกซึ่งทำให้น้ำฝนเป็นกรดเล็กน้อย และเมื่อฝนตกใส่หินทำให้มันกรัดกร่อนหินแล้วละลายเกลือและแร่ธาตุต่างๆ บนหินออกไปทีละน้อย น้ำเหล่านี้ไหลต่อไปยังลำธาร แม่น้ำ และลงทะเลไปในที่สุด เนื่องจากทะเลเป็นแหล่งสุดท้ายที่แร่ธาติต่างๆ จะไหลไปรวมทำให้น้ำทะเลมีรสเค็มนั่นเอง ความเค็มของน้ำทะเลจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไปเนื่องจากความเข้มข้นของเกลือที่เพิ่มขึ้น

สาเหตุที่สองนั้นเกิดจากช่องเปิดใต้ก้นทะเล ที่ใต้ก้นทะเลลึกนั้นน้ำสามารถซึมเข้าไปตามรอยแยกของเปลือกโลกและแผ่นหินได้ นี่จะทำให้น้ำได้รับความร้อนจากลาวาที่มาจากแกนโลกและทำให้มันมีอุณหภูมิสูงขึ้นและกลายเป็นน้ำร้อน น้ำร้อนเหล่านี้จะกรัดกร่อนหินแล้วละลายเกลือและแร่ธาติต่างๆ ในหินออกมาเช่นเดียวกัน จากนั้นมันจะไหลย้อนกลับขึ้นไปยังพื้นมหาสมุทรพร้อมกับนำเกลือและแร่ธาตุที่ถูกละลายกลับขึ้นมาด้วย

เกลือทะเลและแร่ธาตุจำนวนมากในน้ำอย่างเช่น เหล็ก สังกะสี และทองแดงจะถูกนำไปใช้โดยสิ่งมีชีวิตในทะเลและถูกนำออกไปจากน้ำโดยสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น ยกเว้นโซเดียมและคลอไรด์ที่ไม่ได้ถูกนำไปใช้จากเหล่าสิ่งมีชีวิตทำให้มันหลงเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก และแร่ธาตุเหล่านี้เองเป็นส่วนประกอบหลักของเกลือที่เรานำมาใช้ทำอาหารในชีวิตประจำวันเพื่อปรุงให้อาหารมีรสเค็ม คุณเคยได้ยินเกี่ยวกับการทำนาเกลือไหม?

โดยเฉลี่ยแล้วน้ำทะเลจะมีเกลืออยู่ประมาณ 3.5% นี่ทำให้น้ำทะเลมีความหนาแน่นมากกว่าน้ำปกติ สำหรับน้ำทะเลที่มีความหนาแน่นมากๆ จะทำให้คน สัตว์ และสิ่งของต่างๆ สามารถลอยน้ำได้โดยไม่จม คุณรู้จักทะเลสาบเดดซีไหม? นั่นเป็นทะเลสาบที่มีความเค็มมากที่สุดในโลกโดยมีความเข็มข้นของเกลืออยู่ที่ 34.2% เลยทีเดียว ซึ่งสาเหตุของความเค็มของทะเลสาบเดดซีนั้นเกิดจากความร้อนใต้น้ำที่ทำปฏิกิริยากับหินเป็นจำนวนมากที่อยู่ใต้ก้นทะเล แม้ว่าทะเลสาบเดดซีจะเป็นบริเวณที่ฝนตกน้อย