
เมื่อ 66 ล้านปีก่อนไดโนเสาร์ได้พบกันวันที่เลวร้ายที่สุด วันที่อุกกาบาตขนาดยักษ์พุ่งชนโลกทำให้ให้ยุคไดโนเสาร์ที่มีมาอย่างยาวนานกว่า 180 ล้านปีได้สิ้นสุดลง กว่า 75% ของสิ่งมีชีวิตบนโลกรวมทั้งไดโนเสาร์ได้ตายลงในทันที แล้วอุกกาบาตนี้ทำให้ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ได้อย่างไรมาดูกัน
ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ได้อย่างไร

ดาวเคราะห์น้อยหรืออุกกาบาตขนาดยักษ์ประมาณ 10 กิโลเมตรได้พุ่งชนโลกด้วยความเร็วสูงกว่า 20 กิโลเมตรต่อวินาที ในทันที พื้นผิวของโลกในบริเวณที่มันพุ่งชนกลายเป็นไอร้อนอย่างสมบูรณ์ และมันสร้างหลุมอุกกาบาตขนาดใหญ่ขึ้นและทำให้บริเวณพื้นที่ของการชนถูกทำลายทั้งหมด มันทำให้สสารต่างๆ ปริมาณมหาศาลได้พุ่งขึ้นไปยังชั้นบรรยากาศของโลก แรงระเบิดขนาดใหญ่และคลื่นความร้อนสูงถูกแพร่กระจายออกไปและทำให้เกิดไฟป่ากระจายออกไปทั่วทั้งโลก
จากการพุ่งชนของอุกกาบาตนี้ทำให้ฝุ่นและเขม่าควันกระจายไปทั่วโลก ซึ่งทำให้ฝุ่นและเขม่าควันเหล่านั้นไปบดบังแสงจากดวงอาทิตย์ที่ส่องมายังพื้นโลกลดลงไปกว่า 80% นั่นทำให้แสงที่จะถูกส่องมายังพื้นผิวของโลกน้อยลงเป็นอย่างมาก ซึ่งนี่ได้ส่งผลต่อการเติบโตของพืช และทำให้เกิดผลกระทบเป็นลูกโซ่และทำลายห่วงโซ่อาหาร และสุดท้ายทำให้ระบบนิเวศพังพินาศโดยสิ้นเชิง

ผลจากการลดลงของพืชทำให้พวกสัตว์กินพืชเป็นอาหารไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้ นี่ส่งผลโดยตรงต่อไปยังสัตว์ที่กินเนื้อเป็นอาหารก็ได้รับผลกระทบจากการมีอาหารน้อยลงเช่นเดียวกัน นั่นหมายความว่าสัตว์ที่เหลือรอดจากตอนที่อุกกาบาติพุ่งชนก็ได้ตายลงจากการขาดอาหารนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ได้มีข้อสมมติฐานต่างๆ มากมายว่าจริงๆ แล้ววิธีการที่สูญพันธุ์ที่แท้จริงนั้นเป็นยังไงและมันใช้ระยะเวลานานแค่ไหน และแน่นอนว่ายังมีหลายอย่างที่เราไม่รู้อีกมาก แต่มันเป็นเหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลกระทบต่อทุกชีวิตบนโลกในบี้ตั้งแต่จุลินทรีย์ไปจนถึงไดโนเสาร์ และส่งผลให้เกิดโลกในยุคปัจจุบันให้ขึ้นมา
เกี่ยวกับอุกกาบาตยักษ์ที่พุ่งชนโลก

ชื่ออุกกาบาต | ชิกซูลูบ (Chicxulub) |
เส้นผ่านศูนย์กลาง | 10 กิโลเมตร |
ความเร็วในการพุ่งชน | 20 กิโลเมตรต่อวินาที |
พลังงานจากการชน | 100,000 กิกะตัน TNT |
วันที่พุ่งชน | ประมาณ 66 ล้านปีที่แล้ว |
ความเร็วของดาวเคราะห์น้อยหรืออุกกาบาตชิกซูลูบ (Chicxulub) ในตอนพุ่งชนโลกอยู่ที่ประมาณ 20 กิโลเมตรต่อวินาที หรือ 72,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เร็วกว่าเครื่องบินโดยสารประมาณ 72 เท่า นี่ทำให้เกิดพลังงานจลน์จากการพุ่งชนประมาณ 100,000 กิกะตัน TNT หรือ 420,000 EJ การพุ่งชนทำให้เกิดลมร้อนพุ่งออกไปจากจุดศูนย์กลางด้วยความเร็ว 1,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และทำให้เกิดหลุมขนาดยักษ์ที่มีความกว้างกว่า 30 กิโลเมตรและความลึกกว่า 10 กิโลเมตร ที่ในปัจจุบันได้พังทลายลงมาแล้ว

นอกจากนี้การพุ่งชนยังทำให้เกิดสึนามิขนาดยักษ์สูงกว่า 100 เมตรกระจายออกทุกทิศทางและในจุดที่กระทบโดยตรงน่าจะมีความสูงมากถึง 1.5 กิโลเมตรเลยทีเดียว โดยความยาวเฉลี่ยของคลื่นน้ำที่กระจายออกไปทั่วโลกนั้นมีความยาวเฉลี่ยประมาณ 600 เมตรและความสูงประมาณ 20 เมตร การพุ่งชนทำให้เกิดแผ่นดินไหวในทันทีประมาณ 9–11 Mw และไกลแรงสั่นสะเทื่อนนี้ส่งออกไปกว่า 6000 กิโลเมตร
ฝุ่นเถ้าและไอน้ำร้อนได้พุ่งกระจายออกจากจุดที่พุ่งชน ซึ่งมีมากกว่า 25 ล้านล้านเมตริกตันของสสารที่พุ่งขึ้นมา โดยมีบางส่วนพุ่งออกจากชั้นบรรยากาศของโลกและกระจายไปในอวกาศในระบบสุริยะและที่เหลือก็ตกลงมาบนพื้นโลก และทำให้เกิดสะเกิดอุกาบาตที่ร้อนเป็นไฟตกกระจายลงมากมายทำให้พื้นดินลุกเป็นไฟ
ปล่องภูเขาไฟชิกซูลูบที่เกิดจากการพุ่งชน

การพุ่งชนของดาวเคราะห์น้อยทำให้เกิดหลุมขนาดยักษ์ที่มีความกว้างกว่า 30 กิโลเมตรและมีความลึกกว่า 10 กิโลเมตร และในปัจจุบันมันได้กลายเป็นปล่องภูเขาไฟชิกซูลูบ (Chicxulub) ตั้งอยู่ที่คาบสมุทรยูกาตัง (Yucatán Peninsula) ในประเทศเม็กซิโก ที่มีจุดศูนย์กลางติดริมชายฝั่งของชุมชนชิกซูลูบ มันก่อตัวขึ้นเมื่อ 66 ล้านปีก่อนเมื่อดาวเคราะห์น้อยที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางกว่า 10 กิโลเมตรได้พุ่งชนโลก โดยปล่องภูเขาไฟมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 180 กิโลเมตรและลึก 20 กิโลเมตร มันเป็นโครงสร้างที่เกิดจากการชนที่ได้รับการยืนยันว่าใหญ่เป็นอันดับสองของโลก

ปล่องภูเขาไฟได้ถูกค้นพบโดยสองนักธรณีฟิสิกส์ Antonio Camargo และ Glen Penfield ซึ่งเป็นนักสำรวจที่กำลังค้นหาปิโตเลียมบริเวณคาบสมุทรยูกาตังในช่วงปลายของ 1970s หลักฐานที่สำคัญที่บอกว่ามันเป็นการพุ่งชนของอุกกาบาตจนทำให้เกิดปล่องภูเขาไฟคือพวกเขาได้พบกับหินควอตซ์ที่ตกผลึก ความผิดปกติของแรงโน้มถ่วงในบริเวณนั้น และเทคไทต์ซึ่งเป็นวัตถุคล้ายแก้วขนาดเล็กคล้ายก้อนกรวดจากดินที่ถูกหลอมละลายจากการชนของอุกกาบาต
ที่มาและเรียบเรียงจาก:
https://www.nhm.ac.uk/discover/how-an-asteroid-caused-extinction-of-dinosaurs.html
https://en.wikipedia.org/wiki/Chicxulub_crater