iPhone 11, iPhone 11 Pro, iPhone 11 Pro Max ราคาเปิดตัว คุณสมบัติเด่น และมีอะไรใหม่บ้าง

ในที่สุดเราก็ได้เห็น iPhone 11 ที่แอปเปิ้ลเพิ่งจะเปิดตัวไปในวันที่ 10 กันยายน ที่ผ่านมาที่ Steve Job Theater ซึ่งในครั้งนี้ได้มีการเปิดตัวอยู่สามรุ่นได้แก่ iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max ดังนั้นวันนี้ semih จะพาคุณมาดูกันว่ามีอะไรใหม่ และเปลี่ยนแปลงไปบ้างใน iPhone 11 ซึ่งในบทความนี้เราหวังว่ามันจะเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ และช่วยทำให้คุณตัดสินใจสำหรับการซื้อ iPhone เครื่องใหม่ของคุณได้ง่ายขึ้น

1. ราคาและวันเปิดขาย iPhone 11

สำหรับราคาเปิดตัวของ iPhone ทั้งสามรุ่นนั้นได้ปรับราคาลดลงจาก iPhone 10 เล็กน้อย โดย iPhone 11 นั้นจะเริ่มต้นที่ $699 เหรียญ ในขณะที่ iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max นั้นเปิดตัวที่ราคาเริ่มต้น $999 เหรียญ และ $1099 เหรียญตามลำดับ และนี่เป็นตารางเปรียบเทียบระหว่างราคาเปิดตัวของ iPhone กับปีที่ผ่านมา

ราคาเปิดตัวปี 2019ราคาเปิดตัวปี 2018
iPhone 11 ($699)iPhone XR ($749)
iPhone 11 Pro ($999)iPhone XS ($999)
iPhone 11 Pro Max ($1,099)iPhone XS ($1,099)

และข่าวดีอีกอย่างหนึ่งก็คือหลังจากที่เปิดตัวแล้วแอปเปิ้ลยังลดราคา iPhone รุ่นเดิมอย่าง iPhone 8 และ iPhone XR ลงอีกด้วย และมันค่อนข้างเป็นราคาที่น่าพอใจมากเลยทีเดียว นี่เป็นตารางเปรียบเทียบระหว่างราคาเดิมและราคาที่ลดลงหลังจากการเปิดตัวของ iPhone 11

ราคาใหม่ราคาเดิม
iPhone 8 ($449) iPhone 8 ($599)
iPhone XR ($599)iPhone XR ($749)

สำหรับวันเปิดขายอย่างเป็นทางการของ iPhone 11 ทั้งสามรุ่นนั้นจะเปิดขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 กันยายน 2019 และคุณจะสามารถสั่งจองได้ล่วงหน้าในวันศุกร์ที่ 13 กันยายน ที่จะถึงนี้ที่ https://www.apple.com/th/

2. การออกแบบและ 6 สีใหม่

สำหรับในส่วนของการออกแบบใน iPhone 11 ตัวเครื่องทั้งด้านหน้าและด้านหลังจะเป็นกระจกทั้งหมด ซึ่งแอปเปิ้ลเองได้บอกว่ามันเป็นกระจกที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่มีมาในสมาร์ทโฟนเลยทีเดียว และสำหรับด้านหน้าจอและติ่งทางด้านหน้านั้นยังคงเหมือนเดิมทั้งหมด และสิ่งที่อาจจะถูกใจหลายๆ คนสำหรับการเปิดตัวครั้งนี้ก็คือ iPhone 11 นั้นเปิดตัวพร้อมกับ 6 สีใหม่ คือ สีม่วง สีเหลือง สีเขียว สีดำ สีขาว และสีแดง ซึ่งตอนนี้ใครชอบสีไหนก็สามารถเลือกได้ตามใจชอบได้เลย

iPhone 11 กับสีใหม่ทั้ง 6 สี (สีม่วง สีเหลือง สีเขียว สีดำ สีขาว และสีแดง)

สำหรับ iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max นั้นจะเปิดมี 4 สีคือ ทอง, เทาสเปซเกรย์, เงิน, และเขียวมิดไนท์กรีน สำหรับสีเขียวมิดไนท์กรีนเป็นสี่ใหม่ที่เพิ่งมีใน iPhone 11 Pro เป็นครั้งแรกและบอกได้เลยว่ามันสวยและสร้างความถูกใจให้กับหลายๆ คนเป็นอย่างมาก

iPhone 11 Pro Max (สีทอง, สีเทาสเปซเกรย์, สีเงิน, และสีเขียวมิดไนท์กรีน)

3. กล้องบน iPhone 11

สำหรับการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญใน iPhone 11 นั้นเอาใจคนที่ชอบถ่ายรูปและวิดีโอเป็นอย่างมาก เพราะการเปิดตัวมาพร้อมกับระบบกล้องใหม่นั้นมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับกล้องที่ใช้งานในระดับอุตสาหรรมภาพยนต์เลยทีเดียว (แอปเปิ้ลเขาบอกว่างั้น) โดยแอปเปิ้ลได้ใส่กล้องข้างหลัง 2 ตัวสำหรับ iPhone 11 และสำหรับ iPhone 11 Pro และ Pro Max นั้นจะมีกล้องหลังถึง 3 ตัวเลยทีเดียว

  • กล้องหน้า 12 MP
  • กล้องอันตร้าไวด์ 12 MP
  • กล้องไวด์ 12 MP
  • กล้องเทเลโฟโต้ 12 MP (Iphone 11 Pro และ Pro Max)

และนี่เป็นความแตกต่างของการถ่ายภาพด้วยกล้องทั้ง 3 แบบบน iPhone 11 Pro คุณสามารถปรับได้ว่าจะใช้กล้องตัวไหนในการถ่าย โดยจะสังเกตุว่ากล้องกล้องอันตร้าไวด์นั้นจะสามารถถ่ายรูปได้กว้างกว่ากล้องแบบกล้องเทเลโฟโต้ถึง 4 เท่าเลยทีเดียว และทีสำคัญคือคุณไม่จำเป็นต้องเดินถ้อยหลังเลยในการถ่ายรูปแบบทั้งสามแบบนี้

ความแตกต่างระหว่างกล้องเทเลโฟโต้ กล้องไวด์ กล้องอันตร้าไวด์ บน iPhone 11 Pro

สำหรับความสามารถทางด้านซอฟแวร์ในเรื่องกล้องนั้น ตอนนี้คุณสามารถถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอกับสัตว์หรือวัตถุอื่นๆ ได้แล้ว มีโหมดกลางคืนที่สามารถถ่ายได้ในที่ที่แสงน้อย สามารถเซลฟี่แบบสโลโมชั่นที่กล้องหน้าได้ และกล้องหน้าสามารถถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 60 FPS ได้แล้ว

ความแตกต่างระหว่างปิดและเปิดโหมดกลางคืนใน iPhone 11
การถ่ายภาพ Portrait ไม่จำเป็นต้องเป็นแค่คนอีกต่อไป

4. A13 Bionic ชิพที่เร็วที่สุดในโลก

สำหรับ CPU ที่ใช้ใน iPhone 11 ทั้ง 3 รุ่นนั้นจะเป็น ชิพ A13 Bionic Neural Engine รุ่นที่ 3 ซึ่งแรงกว่าซิพเดิมอย่าง A12 ประมาณ 20% และในรอบนี้มันมาพร้อมกับ 4 CPU cores และเนื่องจากประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นทำให้มันประหยัดพลังงานไปได้ถึง 30% และทำให้ iPhone 11 เป็นโทรศัพท์ที่เร็วที่สุดในโลกเลยทีเดียว ซึ่งนี่คงจะถูกใจหลายๆ คนที่อยากจะซื้อ iPhone 11 มาทำงานหนักๆ อย่างการตัดต่อวิดีโอ หรือเพื่อเล่นเกมก็สามารถเล่นได้อย่างสบายมาก

5. แบตเตอรี่ที่ใช้ได้ยาวนานขึ้น

สำหรับเรื่องของแบตเตอรี่นั้นแน่นอนว่ามันต้องดีขึ้น โดยใน iPhone 11 นั้นสามารถใช้งานได้นานกว่า iPhone XR สูงสุด 1 ชั่วโมง และ iPhone 11 Pro และ Pro Max นั้นสามารถใช้งานได้นานกว่า iPhone Xs และ Xs Max สูงสุด 4 ชั่วโมงและ 5 ชั่วโมงตามลำดับ นอกจากนี้มันยังมีความสามารถในการชาร์จเร็ว โดยชาร์จได้สูงสุด 50% ในเวลาประมาณ 30 นาที ด้วยอะแดปเตอร์ขนาด 18 วัตต์ หรือสูงกว่า ซึ่งในรุ่น Pro จะแถมอะแดปเตอร์ขนาด 18 วัตต์มาในกล่องด้วย

6. ระบบเสียงใหม่ Spatial Audio

iPhone 11 นั้นมาพร้อมกับระบบเสียงใหม่ที่เรียกกว่า Spatial Audio หรือเสียงรอบตัวเครื่อง ซึ่งสิ่งนี่อาจจะถูกใจสำหรับหลายๆ คนรวมถึง semih เองที่ชอบดูหนังและเล่นเกมซึ่งถ้าหากคุณใช้ iPhone 11 นั้นก็จะมีเสียงออกมารอบตัวเครื่องได้แล้ว ซึ่งจะทำให้การฟังเสียงสมดุลมากขึ้น และนอกจากนี้ยังมีระแบบเสียงแบบ Dolby Atmos ที่จะเป็นการมอบประสบการเสียงที่น่าทึ่งสำหรับผู้ใช้งาน iPhone 11 อีกด้วย

7. คุณสมบัติอื่นๆ

สำหรับคุณสมบัติทั้งทางด้านฮาร์ดแวร์และซอร์ฟแวร์ก็มีเช่นกัน เช่น หน้าจอใหม่ที่ดีกว่าเดิมอย่างจอภาพแบบ Liquid Retina HD ใน iPhone 11 และจอภาพแบบ Super Retina XDR ใน iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max ซึ่งในจอภาพแบบใหม่นี้บอกเลยว่าภาพคมชัดมากๆ เลย และยังมีคุณสมบัติการกันน้ำที่ดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งใน iPhone 11 นั้นสามารถกันน้ำได้ที่ความลึกไม่เกิน 2 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที ในขณะที่รุ่น Pro สามารถกันน้ำได้ที่ความลึกไม่เกิน 4 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาทีเลยทีเดียว ทางด้านซอร์ฟแวร์ก็จะมี iOS ซึ่งจะมาพร้อมกับตัวเครื่องหลังจากการเปิดขาย

หน้าจอแบบ Super Retina XDR บน iPhone 11 Pro
iPhone 11 กับคุณสมบัติการทนน้ได้ดีขึ้น

และนี่ก็เป็นทั้งหมดสำหรับข้อมูลการเปิดตัวของ iPhone 11 ในวันนี้ จากโดยรวมแล้วสิ่งต่างๆ ที่เพิ่มเข้ามานั้นก็ยังเป็นที่น่าพอใจกับราคาที่ยังเท่าเดิม ในขณะที่ประสิทธิภาพและประสบการณ์งานนั้นถือว่าดีขึ้นพสมควร และที่สำคัญรุ่นเก่าๆ อย่าง iPhone 8 และ iPhone Xs ก็ลดราคาไปเยอะเลยทีเดียว ในตอนนี้คุณคงจะมีอยู่ในใจแล้วว่าต้องการจะซื้อรุ่นไหน และถ้าหากว่าคุณมีแผนจะซื้อ iPhone 11 บอกให้เราทราบด้วยละว่าคุณจะซื้อรุ่นไหนและสีอะไร เพราะ semih รู้สึกตื่นเต้นและยินดีกับ iPhone เครื่องใหม่ของคุณมาก และถ้าคุณชอบอย่าลืมแบ่งปันบทความของเราให้กับคนที่คุณรักได้อ่าน แล้วเจอกันใหม่